16 พฤศจิกายน 2557

จ๊ะจ๋าตะลุยแดนปลาดิบ : Tokyo trip 2014 Day 4 เดินเล่นย่านฮาราจุกุและเดินทางกลับ

และแล้วการเดินครั้งนี้ก็จะจบลงด้วยบล็อคนี้ค่ะ 
จ๊ะจ๋าและครอบครัวไปโตเกียวแค่ 4 วันเท่านั้น (เวลาว่างตรงกันมันมีน้อย T^T)

ตอนเช้าทานอาหารที่โรงแรมค่ะ เก็บกระเป๋าแล้วก็เช็คเอาท์เลย ฝากกระเป๋าไว้ที่ Front แล้วค่อยกลับมาเอาค่ะ มีเวลาเดินเล่นอีกแค่ไม่กี่่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะไฟลต์บินกลับเป็น 5 โมงเย็น ซื้อตั๋ว NEX ไว้ที่บ่ายโมงนิดๆด้วย





นั่ง JR มาลงที่ Harajuku 
ออกจากสถานีมาก็เจอซุ้มนี้เลยค่ะ แล้วก็เดินตามฝูงชนไป





ถนนแห่งนี้ที่ฉันใฝ่ฝันนนนน Takeshita street





แต่แอบเสียใจที่มาไวไปหน่อย ( 9 โมง ) ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดประมาณ 10 ครึ่งหรือ 11 โมง






ก็เดินเล่นๆไปก่อนค่อยแวะกลับมาตอนร้านเปิดละกัน





เจอร้านเครปชื่อดัง นี่ขนาดยังเช้าอยู่นะ ยังมีคนเข้าคิวซื้อแล้ว ไม่ต้องพูดถึงกลางวันเลย











เดินข้ามถนนมาดูระแวกนี้






เดินเล่นตามตรอกซอย และเจอคิวยาว





เขาเข้าคิวรอทานอาหารเช้าร้านนี้กันค่ะ ท่าทางจะเป็นร้านดังแน่ๆ คิวยาวแต่เช้าเลย





เดินผ่านร้านคาเฟ่ น่ารักอ๊าาา ขนมก็น่ารัก แต่ร้านยังไม่เปิด ถึงเปิดก็ไม่มีเวลานั่งเล่น T^T





จะ 11 โมงแล้วก็เดินข้ามถนนกลับไปยังถนนที่เรามาตอนแรก เพราะว่าวันนี้จ๊ะจ๋ามีเป้าหมายค่ะ





เดินช็อปปิ้งเสื้อผ้า ร้านในซอยนี้มีเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าวัยรุ่นเยอะเลย
ราคาถูกกว่าแถว Shibuya เยอะเลย แต่ก็ไม่ได้ถูกเหมือนบ้านเรานะ 
ที่ถูกๆก็มีค่ะ เสื้อ กระโปรงที่ราคาไม่แพงก็ราคาประมาณ 300-400 บาทเท่านั้น





และแล้วก็ถึงร้านที่หมายปองค่ะ ร้าน Pet Paradise เป็นแผนในทริปนี้ด้วยค่ะ
จ๊ะจ๋าจะมาซื้อของฝากน้องเซ็กซี่ อิอิ





เบาะนอนน่ารักๆทั้งนั้น ตอนแรกตั้งใจจะซื้อมาสัก 2 เบาะ แต่ว่ากระเป๋าดันเต็มซะแล้ว 
เลยซื้อกลับมาได้แค่ 1 อันเท่านั้น 





Hello Kitty น่ารักกกกก





น่ารักทั้งร้านเลยค่ะ





มีแต่ไอเทมน่ารักๆทั้งนั้น ร้านขายชุดคอสเพลย์ก็มี จริงๆอยากจะมีดูคนแต่งคอสเพลย์ แต่มาเช้าเกิน 
เค้าอาจจะกำลังแต่งหน้าแต่งตัวกันอยู่ก็เป็นได้





ก่อนที่จะเข้าไปเอากระเป๋าที่โรงแรมก็แวะทานข้าวเที่ยงก่อนที่ร้าน Ootoya เยื้องๆโรงแรม
เมนูอาหารที่ญี่ปุ่นดีมากค่ะ อยากให้ที่ไทยทำแบบนี้บ้าง 
เมนูอาหารบอกค่าแคลอรี่ บอกว่ามีเกลือกี่กรัมด้วย





แอบถ่ายสาวญี่ปุ่นโต๊ะข้างๆมา ผิวดี๊ดี คาวาอี้จัง










มื้อนี้ไม่แพงเลยค่ะ 


เมื่อทานอิ่มแล้วก็ต้องรีบไปเอากระเป๋าแล้วเดินไปที่สถานีรถไฟ เพราะใกล้ถึงเวลาแล้ว
นี่ถ้ามีถ้วยรางวัลเดินเร็วพร้อมลากกระเป๋ายักษ์ จ๊ะจ๋าได้รางวัลชนะเลิศแน่นอนค่ะ
มาทันเวลาพอดีเป๊ะ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดก็ตกรถไฟแน่นอนเลย




ไม่อยากจะกลับไทยเลย อารมณ์แบบว่าใจหาย อยากจะอยู่ต่ออีกนานๆเลย
ถึงขนาดเพ้ออยากจะหางานทำ ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว





รถเข็นคันนี้ของจ๊ะจ๋าคนเดียวค่ะ กระเป๋าก็เอามาใบใหญ่สุด ใส่เต็มแล้วล้นอีกต่างหาก
ไม่ได้เป็นนักช็อปหรอก จริงจริ๊งงงงงง
ดูจากในรูปนะคะ แล้วคิดภาพตอนลากกระเป๋ายักษ์อย่างเร่งรีบ แล้วต้องยกลงขั้นบันไดอีก 5555
ผู้หญิงถึก






เมื่อเช็คอินแล้วก็มานั่งสตาบัคแปปนึง แล้วก็เดินไปทีเกทเลย
ไม่มีได้เดินช็อปปิ้งใน Duty Free ต่อ เพราะเวลาจะไม่ทันแล้ว T^T 
สุดท้ายก็มานั่งแกร่วเพราะการบินไทยไฟลต์ดีเลย์ค่ะ เป็นชั่วโมงเลย แบบว่าเบื่อมาก





ของว่างขบเคี้ยวก่อนมื้อหลักค่ะ
ขอบ่นหน่อยละกัน ตอนกลับมาดันเจอมนุษย์ลุงนั่งข้างๆเลย ตอนแรกนึกว่าไม่ใช่คนไทย เพราะไม่มีความเกรงใจเลย
พอเขาคุยกับแอร์โฮสเตสเท่านั้นล่ะ รู้เลย
คุณลุงปากเหม็นมากกกกกก แล้วนั่งหาวฟอดใหญ่แบบไม่ปิดปาก คิดจะเป็นลม
แล้วก็นั่งกางแขนออกมาจนจ๊ะจ๋าต้องนั่งไปเบียดน้อง คือจ่ายค่าโดยสารมาเท่ากัน
เริ่มรู้สึกอึดอัดเลยเอาหมอนที่รองคอมาตั้งที่วางแขนเพื่อแบ่งเขตแทน ลุงก็พยายามจะกระทุ้งเข้ามาอยู่นั่นล่ะ 
แล้วก็ขี้หลีที่สุด หน้าตาดูหื่นๆ สงสารแอร์ฯ แต่สงสารตัวเองมากกว่า





มื้อเย็นประมาณ 4 ทุ่ม





ข้าวหน้าปลาย่าง อร่อยดีค่ะ





ไอศครีมชาเขียวก่อนจะลงเครื่องบิน
มาถึงสุวรรณภูมิประมาณ 5 ทุ่มกว่า ทั้งๆที่ควรจะเป็น 3 ทุ่มตามกำหนด





และของที่ช็อปปิ้งมาในวันสุดท้าย ของตัวเองคนเดียวอีกแล้ว


ทริปโตเกียวครั้งนี้ค่อนข้างเหนื่อยค่ะ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่ เพราะไปไม่กี่วันเลยต้องกอบโกย
ไปกัน 4 คน 4 วัน 3 คืน รวมๆแล้วหมดประมาณ 200k ค่ะ 


ตั้งปณิธานไว้ว่าปีหน้าจะเก็บเงินไปญี่ปุ่นเอง อยากจะไปสุดๆเลยค่ะ หลงรักกกกกก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น